【Review】12 กฎที่ใช้ได้ตลอดชีวิต: 12 Rules For Life -Jordan B. Peterson

ความคิดเห็น · 4967 ยอดเข้าชม

สำนักพิมพ์ อมรินทร์

ผลงานขายดีอับดับ 1 ทั่วโลก โดยจิตแพทย์ที่ New York Times ยกให้เป็นผู้ที่ "มีอิทธิพลมากที่สุดในโลกตะวันตกขณะนี้"
- ขายดีในอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ
- ขายดีอับดับ 1 เว็บ Amazon
- ผลงานโดยจิตแพทย์ชื่อดังระดับโลก

Jordan B. Peterson ฉุดประเด็นกฎทั้ง 12 จาก 40 ข้อของการตอบกระทู้ในเว็บ ควอรา (Quora)

อะไรคือสิ่งที่มีค่าที่สุดที่ควรรู้ https://bit.ly/2M25KYI

หนังสือเล่มนี้เหมาะกับใคร?
-ผู้สนใจเรื่องจิตวิทยา
-คนที่กำลังค้นหาความหมายของชีวิต
-คนชอบเรื่องเล่าในตำนาน

"Order Chaos ทุกสิ่งสิ่งที่สองด้าน สิ่งที่ต้องทำคือต้องหาจุดสมดุล"

สรุปกฎทั้ง 12 ข้อ

1. ยืนให้ตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง
เราต้องต้องสู้ให้ชนะเรื่อยๆ เพื่อความอยู่รอด คนที่ชนะย่อมมีโอกาสที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีกว่าผู้แพ้ อย่างในหนังสือยกตัวอย่างของ ไก่พันธุ์ดีที่ได้กินอาหารที่ดีกว่าไก่ทั่วไป หรือล็อบสเตอร์ที่ต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงแห่งอาศัยเพื่อความอยู่รอด ที่ใช้สัตว์เปรียบเทียบเพียงเพื่อจะบอกเราว่า คุณอยากมีชีวิตแบบไหน ให้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมแบบนั้น คุณอย่างเก่งขึ้นใช่มั้ย ยืนให้ตัวตรง อกผายไหล่ผึ่ง สู้กับมันสิ!

เมื่อนำล็อบสเตอร์ที่ตัวตรงกว่า ที่สู้เก่งกว่าตัวที่งอ พบว่ามีสารเซโรโทรนีน(สารแห่งความสำเร็จ) มากกว่า ตัวอย่างนี้ทำให้เห็นว่าสัตว์ที่มีชีวิตตั้งแต่ยุคบรรพกาลยังใช้ชีวิตแบบนี้ เมื่อเทียบกับปัจจุบันในคนเราเหตุการณ์นี้ไม่แตกต่างกัน

2. ดูแลตัวเองให้ดี เหมือนเวลาที่ดูแลคนอื่น
มีเพียงตัวเราเท่านั้นที่รู้จักตัวเองดีที่สุด หลายครั้งทำให้คนเราเลือกที่จะละเลยตัวเอง คิดว่าตัวเอง “ไม่เหมาะสม”

เรามีแนวโน้มว่าเราไม่ค่อยดูแลตัวเอง เพราะคนเราหมกมุ่นกับการก่นด่าตนเอง เราไม่ควรได้รับสิ่่งดี ไม่แปลกใจที่เราไม่ค่อยดูแลตัวเอง เพราะควรค่าแก่การลงโทษ

ในความไม่สมบูรณ์แบบนั้นคุณยังมีหน้าที่ทางศีลธรรมที่ต้องปฏิบัติ

3. คบหาคนที่อยากให้คุณได้ดี
คนเราถ้าไม่มีความเชื่อที่แข็งแรงพอ เราก็จะไม่มีวันที่เคี่ยวเข็ญตัวเองให้ดีกว่าที่เคยเป็น หากคุณเชื่อมั่นในตัวเองอยู่บ้าง ให้ลองถามตัวเองว่า ถ้ามีเพื่อนสักคนที่ไม่ได้แนะนำให้ครอบครัวรู้จัก คุณจะยังคบเขาอยู่มั้ย?

เราต่างเคยมีเพื่อนที่ Toxic กันทั้งนั้นแหละ และ Toxic เหล่านั้นจะตกค้างในตัวเราและถ่ายทอดไปยังคนอื่นต่อไปเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่

"อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้เราถูกบูลลี่โดยคนอื่น และมากไปกว่านั้นอย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่อยู่ในสถานการณ์ที่ถูกบูลลี่โดยตัวเราเอง"

4. เปรียบเทียบตัวคุณกับคนที่คุณเป็นในอดีต ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเป็นในวันนี้

"ถ้าอยากมีความทุกข์เดี๋ยวนี้ จงเปรียบเทียบกับคนอื่น"

เคยมั้ย? ไม่ว่าจะเก่งหรือห่วยแค่ไหน ก็ยังมีคนที่ทำให้รู้สึกด้อยอยู่ดี ทางที่ดี

ถ้าคุณอยากวัดความก้าวหน้าในชีวิต ให้เปรียบเทียบตัวเองเมื่อวานกับตัวเองวันนี้ และอย่าเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น เมื่อเกิดการเปรียบเทียบจะมีข้อสรุปเพียง 2 ทางคือ ความล้มเหลว และความสำเร็จ ซึ่งทำให้เราพลาดการสังเกตความก้าวหน้าแบบค่อยเป็นค่อยไป (Incremental improvements) ที่มีความสำคัญมากกว่าการตัดสินว่าสำเร็จหรือล้มเหลว

บางครั้งเรามักเปรียบเทียบตัวเรากับคนอื่นในเรื่องๆ เดียว แต่ไม่นึกถึงว่าในเรื่องของคนอื่นก็ยังมีมุมมองต่างๆ ที่เรายังไม่เห็น ให้เราถอยหลังออกมา แล้วเราจะเห็นภาพรวมที่ชัดขึ้น

ความสำเร็จเล็กๆ น้อยๆ จากอดีตถึงปัจจุบัน แค่นี้ชีวิตก็ดีกว่าเมื่อวานแล้ว

5. อย่าให้ลูกของคุณทำสิ่งใดที่จะทำให้คุณไม่ชอบพวกเขา

เราจะไม่ชอบลูกเราได้จริงๆ หรือ?

การปล่อยปละละเลยปัญหาที่สั่งสมจนทำให้เกิดเป็นปัญหาตลอดชีวิตไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก พ่อแม่หลายคนมักไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ตัวปัญหาเหล่านั้นก็แว้งเข้ามาทำลายครอบครัวเสียแล้ว

ปกติแล้วเรามักจะเชื่อว่าเด็กคือผ้าขาวอันบริสุทธิ์ แต่จริงๆ แล้วเด็กเกิดมาพร้อมกับความก้าวร้าว การสั่งสอนเลี้ยงดูของพ่อแม่ ความดีงาม ความสุภาพ และการอยู่ในสังคม จะช่วยขัดเกลาให้เด็กกลายเป็นคนที่มีคุณค่าต่อสังคม

สิ่งที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อลูกเมื่อพบว่าลูกทำผิด
-พ่อแม่ต้องสอนลูกทั้งคู่ ไม่ใช่ใช้ของใครคนใดคนหนึ่ง
-ไม่วางกฎมากเกินไป เด็กจะงง
-เวลาลงโทษให้ลงโทษอย่างเหมาะสม

6. ดูแลบ้านของคุณให้เรียบร้อยก่อนที่จะวิจารณ์โลก

"โลกโคตรไม่แฟร์"

สิ่งที่คุณขุ่นเคืองอยู่จริงๆ แล้วคือปัญหาของโลกหรือปัญหาส่วนตัวที่คุณไม่อยากจัดการแก้ไข คนที่มีความสุขแม้ชีวิตจะเคยเลวร้ายแล้วก็ไม่เคยด่าโลก พวกเขาเหล่านั้นมักตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขามีส่วนที่ทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้หรือเปล่า และมีทางใดบ้างที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้ดีขึ้น แล้วจึงค่อยๆ แก้ไปทีละเล็กละน้อย เหมือนจัดบ้านตัวเองให้ดีก่อน ที่จะไปวิจารณ์โลก

โลกมันเลวร้ายทุกวันอยู่แล้ว อย่าเสียเวลาไปวิจารณ์โลก จัดการตัวเองให้ดีก่อนเถอะ

7. ทำสิ่งที่มีความหมาย (ไม่ใช่สิ่งที่ง่ายทันใจ)

"มันมีราคาสำหรับความโลกเสมอ"

เวลากินเหล้าเมายาคุณสนุกชั่วครั้งชั่วคราว แต่ไม่นึกถึงผลกระทบต่อตัวเองในวันถัดไปว่า จะแฮ้งจนเสียการเสียงานหรือเปล่า

เวลาทำอะไรลวกๆ เรามักจะมีมุมมองแบบคับแคบไปจนกระทั่งการหลอกตัวเอง ผลผลิตของการกระทำนี้คือความเปล่าเปลี่ยว ความแตกกระจายอยู่ภายใน ทำสิ่งที่มีความหมาย พูดฟังดูเหมือนง่าย แต่เชื่อเหอะ มันจะทำพาความสุขมาให้อย่างยั่งยืน เพราะมันหมายถึงการเติมเต็มตนเองให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

8. พูดความจริง หรืออย่างน้อยก็ไม่โกหก

"เราทุกคนโกหกตลอดเวลา"

การโกหกคือการหลีกหนีความจริง นั่นเท่ากับว่าคุณไม่สามารถเปิดเผยตัวตนกับตัวเองได้เช่นกัน เปรียบได้กับความเก็บกดที่นำมาซึ่งความทุกข์ การแต่งเรื่องราวต่างๆ เพื่อหลอกตัวเองจนเป็นนิสัย แล้วคุณก็จะติดอยู่ในโลกแบบนั้น ยังมีสิ่งที่คุณยังไม่เปิดเผยออกมา สิ่งเหล่านั้นทำให้คุณข้ามผ่านและเติบโตทางวุฒิภาวะ

วิธีที่อยู่กับความจริงคือการเผื่อใจ อย่าไปนึกว่าชีวิตจะเป็นอย่างภาพที่วาดฝันไว้

9. สงสัยไว้ก่อนว่าคนที่คุณกำลังฟังอาจรู้บางสิ่งที่คุณไม่รู้

ลองฟังสิ่งที่คนอื่นพูด คุณจะได้รู้สิ่งที่ไม่รู้เสมอจากการตั้งใจฟังบางอย่าง

ให้ลองฝึกสนทนากับตนเอง แล้วเราจะได้ค้นพบกับความจริง ความหมายของชีวิต

เป็นแนวคิดที่สอดคล้องกับ "เปรียบเทียบตัวคุณกับคนที่คุณเป็นในอดีต ไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นเป็นในวันนี้" ในกฎข้อที่ 4 บางครั้งเรามักโดนอีโก้ของตัวเองครอบงำคิดว่าตัวเองรู้ดีกว่าคนอื่นไปเสียหมด แต่ความจริง ยังมีอีกหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ หมั่นฝึกฝนการฟัง และการเปิดรับ มันจะช่วยให้เราเปิดหูเปิดตาได้อย่างมาก

10. พูดอะไรให้ชัดเจน

"การพูดไม่มีอะไรชัดเจนไปต้องการให้คนอื่นมองเห็นว่าสิ่งเหล่านี้เป็นจริง"

ยื้อไปสุดท้ายก็ทำลายอนาคตอยู่ดี บางครั้งความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ชีวิตคู่ การทะเลาะนำมาซึ่งการแก้ปัญหา เช่นคู่รักที่ไม่กล้าบอกว่าภรรยาไม่ชอบให้สามีไว้หนวดเพราะแสบเวลาโดนสัมผัส ในเมื่อไม่มีความชัดเจนจะนำพาไปสู่เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องและคาดคิดได้เช่น เรื่องชู้สาว ฯลฯ ตามมาเต็มไปหมด แท้จริงแล้วเรื่องเกิดขึ้นจากจุดเล็กๆ เพียงจุดเดียวแค่การโกนหนวด ความกล้าในความชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยเยียวยาอนาคต

"ถ้าไม่รู้จะพูดตรงอย่างไร ให้เขียนมันออกมา"

ถ้ายังไม่เข้าใจอีกให้ขีดฆ่าทิ้งเพราะไม่ตรงกับที่ใจคิดจนกว่าจะเจอประโยคที่ต้องการสื่อสาร

11. อย่าไปยุ่งเวลาที่เด็กๆ กำลังเล่นสเกตบอร์ต
การไปห้ามเด็กคนหนึ่งทำอะไร อาจเป็นการตัดอนาคตเด็กคนนั้นได้ อนาคตเขาอาจได้เป็นแชมป์โลกสเกตบอร์ตก็เป็นได้

สัญชาตญาณคนเราเกิดมาพร้อมกับการผจญภัย โดยเฉพาะวัยเด็กที่มีความเสี่ยงมากกว่าผู้ใหญ่ การเสี่ยงนิดๆ นำมาซึ่งการสร้างความมั่นใจ การเผชิญกับความโกลาหลนำมาซึ่งความมั่นใจได้เช่นเดียวกัน

ความกล้ากับความกลัว คุณจะเลือกอะไร? คงเหมือนกับเราที่เริ่มหัดขับรถใหม่ๆ หากไม่กล้าก็จะจมอยู่กับความกลัวนั้นตลอดไป

12. หยุดเพื่อลูบแมวที่คุณพบเจอตามถนนบ้าง
แมวเป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดาไม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าเวลาไหนที่มันอยากเล่นกับเรา แม้เราจะอยากเล่นกับมัน เราก็ควบคุมมันไม่ได้ นี่คือกฎธรรมชาติโดยแท้จริง และเตือนเราว่า ถ้าชีวิตสวยงาม หรือเป็นราบรื่นตลอดเวลา มันจะน่าสนุกตรงไหนกันล่ะ

ช่วงเวลาสั้นๆ ที่เล่นกับแมว มันทำให้เราทนทานกับปัญหาที่มีอยู่แล้วได้สบาย

และแมวตัวนั้นเองมันคงไม่ได้โผล่มาให้เราเจอโดยบังเอิญ

ประโยคท้ายเล่ม Jordan B. Peterson ได้เขียนทิ้งท้ายว่า

"ผมหวังว่าการเขียนของผมจะเป็นประโยชน์ต่อคุณ หวังว่ามันจะเปิดเผยสิ่งที่คุณรู้อยู่แล้ว แต่คุณแค่ไม่รู้ว่าคุณรู้"

จุดแข็งของหนังสือเล่มนี้คือสไตล์การเล่าเรื่องที่ทำให้คนอ่านเข้าใจ มีการอิงหลักการทางวิทยาศาสตร์ หรือและศาสตร์อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เนื้อหาที่ยากๆ สามารถเข้าใจได้ง่ายทำให้รู้ว่าผู้เขียนใช้หลักจิตวิทยาและช่างสังเกต และอธิบายปรากฏการณ์รอบตัวได้ดี นับเป็นเล่มหนึ่งที่ใช้การอุปมา-อุปมัยได้น่าสนใจ ยอมรับว่าการกลับมาอ่านอีกครั้งหนึ่งทำให้เห็นภาพและมุมมองของชีวิตที่น่าอัศจรรย์ และหวังจากการอ่านซ้ำจะพบกับมุมมองที่น่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้นอีก

ถ้าใครสนใจ สั่งซื้อกันได้ครับที่: https://bit.ly/buy12RulesForLifeBook

#JordanBPeterson #12RulesForLife #12กฎที่ใช้ได้ตลอดชีวิต

ความคิดเห็น