【Review】เทคนิคอ่านให้ไม่ลืม ที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ -คะบะซะวะ ชิอง I ภาณุพันธ์ ปัญญาใจ แปล

ความคิดเห็น · 2307 ยอดเข้าชม

สำนักพิมพ์ WeLearn

ถ้าอ่านแล้วจำไม่ได้จะมีประโยชน์อะไร เป็นคำถามที่ผมสงสัยมานาน และหาคำตอบอยู่เสมอมา จนได้พบกับหนังสือเล่มหนึ่ง "เทคนิคอ่านไม่ให้ลืม ที่จิตแพทย์อยากบอกคุณ" เขียนโดย คะบะซะวะ ชิอง เปิดอ่านดูคำนำและสารบัญ แล้วไปสะดุดอยู่บทหนึ่งคือ เทคนิคการอ่านอีบุ๊ก ซึ่งบางอย่างก็รู้อยู่แล้ว บางอย่างก็ไม่เคยรู้มาก่อน

พออ่านเล่มนี้จบทำให้รู้สึกว่า เราเองยังต้องอ่านอีกเยอะ ส่วนตัวเป็นคนอ่านหนังสือเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ติดปัญหาอยู่ที่ว่า พอจะหยิบเอาความรู้ที่ได้จากการอ่านมาใช้ดันลืมเสียอย่างนั้น

เลยสรุป เทคนิคอ่านไม่ให้ลืม ของคุณหมอคะบะซะวะ มาให้อ่านกัน

Highlights

1. ทำไมถึงควรอ่านหนังสือและหนังสือให้อะไรกับเรา
2. กฎที่ช่วยให้อ่านแล้วจำไม่ลืม
3. เคล็ดลับขณะอ่านหนังสือ ที่ช่วยให้อ่านแล้วจำไม่ลืม
4. ลงภาคสนาม
5. เทคนิคการเลือกหนังสือ
6. เทคนิคการอ่านอีบุ๊ก
7. เคล็ดลับการซื้อหนังสือที่ช่วยให้ชีวิตมั่งคั่ง

1. ทำไมถึงควรอ่านหนังสือและหนังสือให้อะไรกับเรา
หนังสือเปรียบเสมือนอาหารที่เราต้องการจะกินจริงๆ ถ้าถามว่าอ่านบนอินเทอร์เน็ต (ข้อมูล) ผิดมั้ย ก็ไม่ผิด แต่ถ้าจะให้ดีควรอ่านหนังสือ (ความรู้) ควบคู่ไปด้วยจะดีที่สุด ส่วนคำถามที่ว่าไม่มีเวลาอ่านหนังสือ นั่นคือข้อ้าง การอ่านหนังสือช่วยผ่อนคลายแถมยังมีเวลามากขึ้น การอ่านหนังสือช่วยเพิ่มทักษะทำงานจะดีแค่ไหนถ้าคุณรู้มากกว่ากว่าคนอื่นและทำอะไรได้มากกว่าคนอื่นด้วยการอ่านหนังสือ

2. กฎที่ช่วยให้ ''อ่านแล้วจำไม่ลืม"
“ส่งออก” เป็นวิธีช่วยให้เราจำได้ไม่ลืม ทำได้ 4 วิธีคือ จดโน้ต/ไฮไลท์ระหว่างอ่าน เล่าเนื้อหา/แนะนำหนังสือ แชร์คำคมความรู้สึกบนโซเชียล เขียนรีวิวหนังสือบนโซเชียล/อีเมล/จดหมายข่าว การอ่านในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้จำได้ไม่ลืมกว่าการอ่านในช่วงเวลายาวๆ แต่ลืม

3. เคล็ดลับขณะอ่านหนังสือ ที่ช่วยให้ 'อ่านแล้วจำไม่ลืม'
จดโน้ต/ไฮไลท์ระหว่างอ่าน -ยิ่งเลอะยิ่งได้ ในบางกรณียิ่งหนังสือของคุณมีการขีดเขียนมากเท่าไหร่ เท่ากับว่าความคิดของคุณได้ตกตะกอนดีขึ้นเท่านั้น หรือบางคนถนอมหนังสือก็ใช้ Post-It แทน

เล่าเนื้อหา/แนะนำหนังสือ -เป็นการส่งออกข้อมูลที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องใช้ต้นทุนอะไรเลย มีแค่คุณ

แชร์คำคมความรู้สึกบนโซเชียล -เป็นการสะท้อนสิ่งที่คุณสื่อสารออกไป บางทีคุณอาจได้อะไรใหม่ๆ กลับมาเพิ่มในคลังวัตถุดิบก็เป็นได้ แถมยังกระตุ้นให้มีแรงจูงใจในการอ่านอีกด้วย

เขียนรีวิวหนังสือ -การเขียนรีวิวอาจยากเกินไปสำหรับบางคน ให้เขียนเฉพาะรีวิวในเล่มที่คุณชอบเท่านั้น

จัดการเวลา -การอ่านในเวลาที่ถูกตั้งไว้ทำให้มีสมาธิและประสิทธิภาพในการอ่านมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ มนุษย์เราสามารถจดจ่อกับการอ่านได้เพียง 15 นาที ให้แบ่งช่วงค่อยๆ อ่านไปทีละ 15 นาที หรือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด อาจมากกว่านั้นแต่ไม่ควรน้อยกว่า 15 นาที

การนอนหลับ 6-8 ชั่วโมง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการอ่าน

4. ลงภาคสนาม
Skim Scan เราอาจได้ยินมาแต่เด็ก แต่ใช้ได้กับทุกสิ่ง เราต้องตั้งเป้าหมายก่อนว่าอ่านเพื่ออะไร ไม่จำเป็นต้องอ่านทุกตัว ให้อ่านสิ่งที่อยากรู้ก่อน และค่อยอ่านส่วนที่เหลือ คนจะคิดว่าหนังสือเป็นสิ่งยาก เพราะแต่ละคนมีพื้นฐานความรู้ที่ไม่เหมือนกัน บางคนกระโดดมาอ่านตำราระดับปรมาจารย์ ซึ่งทำให้รู้สึกท้อแท้และรู้สึกว่ายาก อ่านอย่างไรก็ไม่เข้าใจ วิธีแก้ไขให้ย้อนกลับไปอ่านเล่มที่มีเนื้อหาพื้นฐานก่อนค่อยไล่ระดับตามทักษะที่มี

เคยเป็นมั้ย ไปซื้อหนังสือ แล้วรีบซื้อ แต่ไม่อ่าน วิธีแก้ไข ให้รีบอ่านตั้งแต่ตอนที่เพิ่งซื้อมาใหม่ๆ จะช่วยเพิ่มความอยากอ่านได้ดี ซึ่งต่างกับกรณีของการซื้อหนังสือมาดอง กรณีนี้ นอกจากจะไม่ทำให้ไม่จำเนื้อหาแล้ว ยังเสียเงินโดยใช่เหตุ

การพบนักเขียนช่วยทำให้เห็นภาพของหนังสือเล่มที่เขียนได้ชัดเจน อีกทั้งยังต่อยอดความรู้ได้อีกกว้างขวาง กับบางเรื่องที่เราอ่านเท่าไหร่ก็ไม่เข้าใจ เท่ากับว่าเราพบนักเขียนเพียงครั้งเดียวแล้ว อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง

5. เทคนิคการเลือกหนังสือ
หนังสือจะถูกจะแพงไม่สำคัญเท่ากับว่าหนังสือเล่มนั้นได้ตอบโจทย์เราหรือเปล่า หนังสือที่ตอบโจทย์จะทำให้เราพัฒนามากขึ้น หากไม่รู้ว่าเล่มไหนตอบโจทย์เราให้ดูจาก บุคคลที่เราชื่นชอบหรือเคารพว่าเขาอ่านหนังสืออะไร ให้ลองอ่านตาม ถ้าจับจุดว่าเป็นเล่มที่ตอบโจทย์ให้ต่อยอดออกไป การเลือกซื้อหนังสือไม่ควรดูจากหนังสือขายดี แต่ควรเป็นหนังสือที่เราอยากอ่านมากจริงๆ ไม่ใช่ว่าหนังสือ Best Seller จะดีเสมอไป บางเล่มก็ดีบางเล่มก็แย่ อยู่ที่ความต้องการของคุณ ในบางครั้งไม่ได้ตั้งใจจะซื้อเล่มนี้เลย แต่บังเอิญว่าอ่านไปอ่านมาเป็นเล่มที่ตอบโจทย์ชีวิตเรา นั่นแหละ ใช่!
หรือในบางครั้งบรรณานุกรมของหนังสือที่เราอ่านก็นำพาเราไปสู่หนังสือเล่มที่ดีกว่า

6. เทคนิคการอ่านอีบุ๊ก
ข้อดี ข้อเสีย ประโยชน์ต่างๆ นาๆ จะไม่พูดถึง แต่จะพูดถึงมา เราควรปรับตัวมาอ่าน E-book บ้าง แต่ก็ไม่ควรละทิ้งการอ่านหนังสือแบบเป็นเล่มจริงๆ เพราะบางเล่มก็ไม่มีขายในรูปแบบ E-book หรือ เป็นเล่มจริงๆ

7. เคล็ดลับการซื้อหนังสือที่ช่วยให้ชีวิตมั่งคั่ง
การลงทุนกับความรู้เป็นการลงทุนที่ถูกที่สุด เมื่อเทียบกับ Income ที่ได้รับกับการนำความรู้มาสร้างผลกำไร คุ้ม! หากมองว่ายังแพงอยู่ ก็ให้ตั้งเป้าว่าแต่ละเดือนหรือปี วางงบในการซื้อหนังสือไว้เท่าไหร่ และไม่ควรคิดว่า ซื้อเล่มนี้ ดีมั้ย คุ้มราคามั้ย ให้คิดว่าทุกเล่มมีประโยชน์กับคุณเพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะนำออกมาใช้ หรือใครบางคนที่ไม่รู้จะจัดการกับหนังสือตัวเองอย่างไร สำหรับคนที่อยากโละหนังสือเป็นเล่มทิ้ง แล้วหันมาอ่าน E-book ควรนำหนังสือเหล่านั้นไปมอบให้เป็นของขวัญ บริจาค หรือมอบให้ผู้อื่น

ผมขอสารภาพ ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ เพียงเพราะไม่อยากให้อ่านให้ไม่ลืม ลองเอาไปใช้กันดูครับ หรือหามาอ่านกันได้

#อ่านให้ไม่ลืม #WeLearn

ความคิดเห็น